เคยได้ยินมั้ยของเขมรมันแรง คำนี้ได้ยินมานาน จนได้เดินทางมาสัมผัสแล้ว โอ้…แม่เจ้า ของเค้าแรงจริงค่า
การก้าวเท้าแรกเหยียบแผ่นดินอารยธรรมโบราณ ความรู้สึกนั้นยังจำได้แม่นยำ ความตื่นเต้น ความอยากถ่ายรูป ความรู้สึกต่างๆ นานา โอ้ย…มันบอกไม่ถูก แต่ที่แน่ๆ ประเทศนี้มีของดีจริง
การเดินทางจากไทยไปเมืองเสียบเรียบ ถ้าไปเครื่องจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ หรือเราสามารถเดินทางจากทางฝั่งชายแดนไทย อรัญประเทศจังหวัดสระแก้ว ผ่านด่านตรวจ แล้วนั่งรถตู้ยาวๆ ถึงเสียมเรียบประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง ไม่ใช่ว่าหนทางจะไกลอะไรนะ แต่กฎหมายบ้านเค้าให้วิ่งความเร็วไม่เกิน 90 กม. ถ้าเน้นสบายไปเครื่องเลยจ้า แต่ถ้านั่งรถตู้ก็จะสัมผัสทุ่งนาสองข้างทางที่เขียวขจี ไม่แพ้ต่างจังหวัดในบ้านเราเลยคะ
ถึงเสียบเรียบเราพร้อมลุยแล้วคะ จุดหมายแรกของเราไปเยี่ยมชมทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันเฉียงใต้ ไม่ได้โม้คะ ใหญ่จริง ร่องเรือชมลำน้ำ สำหรับบุคคลที่เมาคลื่น แนะนำว่าควรหายาดมยาหม่องติดตัวไปด้วยนะ
สองข้างทางก่อนออกตัวทะเลสาบเราจะพบกับวิถีชีวิตพื้นบ้าน ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ตามลำน้ำ แต่พอรู้ประวัติจริงๆ อ้าวนี่มันชาวเวียดนามนี่นา ชีวิตคนแถวนี้เค้าอยู่กลางลำน้ำจริงๆนะคะ ไม่ได้พูดเล่น บ้าน วัด โรงเรียน ลอยกลางน้ำกันเลยทีเดียว
“นครวัด นครธม” หลายท่านคงจะได้ยินชื่อมาไม่มากก็น้อยแล้วใช่มั๊ยคะ แต่ครั้งนึงในชีวิตต้องมาสัมผัสคะ ก่อนจะไปสัมผัสเราจะต้องทำบัตรผ่านเสียก่อน บัตรผ่านในที่นี้คือบัตรที่เราสามารถเข้าเยี่ยมชมโบราณสถานได้ทุกที่ในเสียมเรียบ ราคาค่อนข้างสูงหน่อย มีหลายคนถามว่าทำไมต้องราคาสูงขนาดนี้อ่ะ แน่นอนซิคะ ของดีระดับมรดกโลกนี่นา ถ้าเห็นกับตาแล้วจะบอกว่าคุ้มค่ากับราคาบัตรผ่านนะจ๊ะ
หลังจากได้บัตรผ่านแล้ว เราจะรอช้าทำไมไปซิคะ “นครวัด หรือ อังกอร์วัด” ชื่อนี้คือโบราณสถานที่ยิ่งใหญ่มาก ลองนึกภาพตามนะคะ ปราสาทที่โอบล้อมไปด้วยบึงน้ำขนาดใหญ่ทุกด้าน บึงดังกล่าวหรือทางกัมพูชาเรียกว่า “บาราย” ใช้แรงมนุษย์ในการขุด เฮ้ย….นี่ฝีมือมนุษย์หรอเนี่ยมันต้องใช้กี่หมื่นคนกี่แสนคนและระยะเวลาแค่ไหนอ่ะ ถึงจะทำได้ขนาดนี้ เครื่องจักรก็ไม่มี น่าทึ่งมากคะ
เราจะต้องข้าม “บาราย” ส่วนหน้าประตูทางเข้าเราจะเห็นตัวปราสาทอยู่ไกลๆ ว้าว….สายตาดิฉันไม่อาจจะลดละจากปลายยอดปราสาทที่อยู่ไกลๆได้เลย มันช่างดึงดูดมาก จนเกือบสะดุดล้มบนทางเดิน เนื้อที่ของปราสาทมีประมาณ 1500 X 1300 เมตร ขนาดใหญ่มาก มาก มาก ถ้านึกภาพไม่ออกลองนึกนะคะ สนามฟุตบอลประมาณ 320 กว่าสนามมาต่อกัน โอ้…แม่เจ้า แค่นี้ก็คงจะเดินกันทั้งวันแล้วจ้า เราไม่รอช้าเข้าไปในตัวปราสาทกันเลยดีกว่า ทางเดินทอดยาวสุดสายตาพุ่งตรงสู่ตัวปราสาท มันเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก จะรอช้าทำไมกล้องถ่ายรูปหยิบขึ้นมาเลยและก็ไม่ใช่ดิฉันคนเดียวที่จะถ่ายนะ นักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกมุมโลกก็ทำแบบดิฉันเช่นกัน จะถ่ายมุมตรง มุมเงย นั่งถ่ายนอนถ่าย งามไปหมดเลยจ้า
ตัวปราสาทแบบออกเป็น 3 ชั้น เราสามารถเดินวนกลับมาที่จุดเดิมได้ สายตาดิฉันที่มองบนหินแกะสลัก บนพนัง เพดาน เสา ระเบียง ว้าว…ไม่รู้จะบรรยายยังไง หลายท่านก็คงจะสงสัยเหมือนกับดิฉันนะว่า งานแกะสลักหินในปราสาทใหญ่ขนาดนี้ ต้องใช้ช่างแกะกี่คน ระยะเวลาการแกะอีกยาวนานแค่ไหน แล้วฝีมือของการแกะของช่างแต่ละคนจะเหมือนกันมั้ย และควบคุมงานได้อย่างไร มันช่างคาใจดิฉันนัก แต่ก็นะบอกว่าของเค้าแรง ภาพแกะสลักเรื่องราวการกวนเกษียรสมุทรระหว่างยักษ์กับเทพที่ถือว่าสมบูรณ์มาก ภาพคมชัดมีมิติ แหมเหมือนดูระบบ 4K HDR กันเลยทีเดียว
มาต่อกันที่ “นครธม” เป็นนครที่มีหลากหลายปราสาทอยู่ในแหล่งเดียวกัน เรามาเริ่มกันที่ “ปราสาทบายน” ที่นำหินมาเรียงต่อกันและแกะสลักเหมือนรูปหน้าคนเยอะๆ แต่ที่จริงแล้วตามประวัติคือ พระพักต์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
ตัวปราสาทไม่ได้ใหญ่มากนะ แต่ความสวยงามนี่ระดับตำนาน ถ้าได้เข้าไปในปราสาทแล้ว เหมือนจะเป็นดินแดนลี้ลับน่าค้นหากันเลยทีเดียว หามุมถ่ายสวยๆ กันเอานะ เพราะว่านักท่องเที่ยวเยอะอยู่